วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Values


ค่านิยม (Values)


                ความหมายของค่านิยมมีผู้รู้หลายท่านได้ให้ความหมายไว้ดังนี้

                ค่านิยม มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า “Value” และมาจากคำสองคำคือ “ค่า” “นิยม”เมื่อคำสองคำรวมกันแปลว่า การกำหนดคุณค่า คุณค่าที่เราต้องการทำให้เกิดคุณค่า คุณค่าดังกล่าวนี้มีทั้งคุณค่าแท้และคุณค่าเทียม ซึ่งคุณค่าแท้เป็นคุณค่าที่สนองความต้องการในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่วนคุณค่าเทียม หมายถึงคุณค่าที่สนองความต้องการอยากเสพสิ่งเปรนเปรอชั่วคู่ชั่วยาม

                ค่านิยม หมายถึง ทัศนะของคนหรือสังคมที่มีต่อสิ่งของ ความคิด และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปรารถนา คุณค่าและความถูกต้องของสังคมนั้นๆ เช่น ชาวอเมริกันถือว่า “ประชาธิปไตย”มีค่าสูงสุดควรแก่การนิยมควรรักษาไว้ด้วยชีวิต อเมริกันรักอิสระ เสรีภาพ และความก้าวหน้าในการงานเป็นต้น ส่วนค่านิยมของคนไทยหรือคนตะวันออกโดยทั่วไปนั้นแตกต่างจากค่านิยมในอเมริกันหรือคนตะวันตก เช่น คนไทยถือว่าความสงบสุขทางจิตใจและการทำบุญให้ทานเป็นสิ่งที่พึงปรารถนา การเคารพเชื่อฟังบิดามารดาและการกตัญญูรู้คุณเป็นสิ่งที่ควรยกย่อง

                ค่านิยม หมายถึง สิ่งที่บุคคลพอใจหรือเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า แล้วยอมรับไว้เป็นความเชื่อ หรือความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ค่านิยมจะสิงอยู่ในตัวบุคคลในรูปของความเชื่อตลอดไป จนกว่าจะพบกับค่านิยมใหม่ ซึ่งตนพอใจกว่าก็จะยอมรับไว้ เมื่อบุคคลประสบกับ การเลือกหรือเผชิญกับเหตุการณ์ ละต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเข้าจะนำค่านิยมมาประกอบการตัดสินใจทุกครั้งไป ค่านิยมจึงเป็นเสมือนพื้นฐานแห่งการประพฤติ ปฏิบัติของบุคคลโดยตรง

                “ค่านิยม” คือ ความคิด (Idea) ในสิ่งที่ควรจะเป็นหรือสิ่งที่ถูกต้องพึงปฏิบัติมีความสำคัญ และคนสนใจ เป็นสิ่งที่คนปรารถนาจะได้ หรืจะเป็นและมีความสุขที่จะได้เป็นเจ้าของ

                “ค่านิยม” หมายถึง ความเชื่อว่าอะไรดี ไม่ดี อะไรควร ไม่ควร เช่น เราเชื่อว่าการขโมยทรัพย์ของผู้อื่น การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่ดี ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่ดี

                ค่านิยม หมายถึง “ระบบความชอบพิเศษ” เพราะสิ่งที่เราชอบมาก เราจะให้คุณค่ามากกว่าสิ่งที่เราไม่ชอบ ค่านิยมอาจแบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่
                ๑. ค่านิยมเฉพาะตัว (Individual Value)
                ๒. ค่านิยมสังคม (Social Value)
                ค่านิยมทางสังคม เป็นระบบความชอบพิเศษที่คนในแต่ละสังคมมีอยู่ ค่านิยมประเภทนี้เกิดจากการเรียนรู้จากสังคมในระดับต่าง ๆ ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรม เช่น นาย ก ชอบสิ่งใดมากก็จะทำสิ่งนั้นมากเป็นต้น ดังนั้นการสังเกตค่านิยม ของสังคมอาจพิจารณาได้จากพฤติกรรมเด่น ๆ ของสมาชิกในสังคมแล้วอนุมานมานว่า สังคมนั้นมีค่านิยมอย่างไร เช่น ค่านิยมสังคมไทยที่เป็นค่านิยมดั้งเดิม คือ ยึดถือตัวบุคคล ความรักสนุก และยึดทางสายกลาง เป็นต้น

 ลักษณะของค่านิยมที่แท้นั้นจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
                ๑. เป็นค่านิยมที่บุคคลเลือกหรือยอมรับ โดยไม่ได้ถูกบังคับบุคคลมีเสรีภาพในการตัดสินใจเลือกหรือยอมรับค่านิยมใดก็ได้ที่เห็นว่าเหมาะสมน่าปฏิบัติ
๒. เป็นค่านิยมที่บุคคลมีโอกาสเลือกจากตัวเลือกหลายๆ ตัว ไม่ใช่เป็นเพราะมีตัวเลือกจำกัดเพียงสิ่งเดียว จึงทำให้ต้องยอมรับโดยปริยาย
๓. เป็นค่านิยมที่ได้รับการกลั่นกรองพิจารณาอย่างรอบคอบจากบุคคลตลอดจนมีการวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของตัวเลือกหลายๆ ตัว เมื่อเห็นว่าตัวเลือกใดดีที่สุดเหมาะสมที่สุดหรือมีเหตุผลในการสร้างความพอใจได้มากที่สุดก็จะเลือกตัวเลือกนั้น
๔. เป็นค่านิยมที่บุคคลยกย่อง เทิดทูนและภูมิใจ
๕. เป็นค่านิยมที่บุคคลสามารถยอมรับอย่างเปิดเผยและพร้อมที่จะสนับสนุนค่านิยมที่ตนยอมรับ
๖. เป็นค่านิยมที่บุคคลยึดถือปฏิบัติจริงไม่ใช่เพียงคำพุดเท่านั้น
๗. เป็นค่านิยมที่บุคคลปฏิบัติอยู่เสมอๆ บ่อยๆ ไม่ใช่ปฏิบัติเป็นครั้งคราว
                จากลักษณะข้างต้นอาจกล่าวได้ว่าค่านิยมที่แท้นั้นเป็นค่านิยมที่ผ่านการเลือกมาอย่างดีและเมื่อเลือกแล้วก็ถือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอด้วยความมั่นใจความภูมิใจ
                จากคำนิยามต่าง ๆ เหล่านี้พอจะสรุปได้ว่าค่านิยมนั้น เป็นความคิดหรือความเชื่อที่บุคคลพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและมีคุณค่า จึงนำมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจที่จะแสดงพฤติกรรมออกมาในสถานการณ์ต่าง ๆ กัน


 อิทธิพลของค่านิยมที่มีต่อพฤติกรรมของบุคคล
                รองศาสตราจารย์ สุพัตรา สุภาพ ได้กล่าวถึงค่านิยมสังคมเมืองและค่านิยมสังคมชนบทของสังคมไทยไว้ค่อนข้างชัดเจน โดยแบ่งค่านิยมออกเป็นค่านิยมของคนในสังคมเมืองและสังคมชนบทซึ่งลักษณะค่านิยมทั้งสองลักษณะ จัดได้ว่าเป็นลักษณะของค่านิยมที่ทำให้เกิดมีอิทธิพลต่อค่านิยมที่มีต่อพฤติกรรมของบุคคล ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นชัดเจนในตาราง



ค่านิยมสังคมเมือง
๑. เชื่อในเรื่องเหตุและผล
๒. ขึ้นอยู่กับเวลา
๓. แข่งขันมาก
๔. นิยมตะวันตก
5. ชอบจัดงานพิธี
๖. ฟุ่มเฟือยหรูหรา
๗. นิยมวัตถุ
๘. ชอบทำอะไรเป็นทางการ
๙. ยกย่องผู้มีอำนาจผู้มีตำแหน่ง
๑๐.วินัย
๑๑. ไม่รักของส่วนรวม
๑๒. พูดมากกว่าทำ
๑๓. ไม่ชอบเห็นใครเหนือกว่า
๑๔. เห็นแก่ตัวไม่เชื่อใจใคร



ค่านิยมสังคมชนบท

๑. ยอมรับบุญรับกรรมไม่โต้แย้ง
๒. ขึ้นอยู่กับธรรมชาติ
๓. เชื่อถือโชคลาง
๔. ชอบเสี่ยงโชค
๕. นิยมเครื่องประดับ
๖. นิยมคุณความดี
๗. นิยมพิธีการและการทำบุญเกินกำลัง
๘. ชอบเป็นฝ่ายรับมากกว่าฝ่ายรุก
๙. ทำงานเป็นเล่น ทำเล่นเป็นงาน
๑๐. พึ่งพาอาศัยกัน
๑๑. มีความเป็นส่วนตัวมากเกินไป
๑๒. รักญาติพี่น้อง
๑๓. มีความสันโดษ
๑๔. หวังความสุขชั่วหน้า



 ประเภทของค่านิยม


                ค่านิยมนั้นกล่าวกันโดยทั่วไปว่ามี ๒ ประเภท คือ ค่านิยมส่วนบุคคลและค่านิยมของสังคม
                ๑. ค่านิยมส่วนบุคคล ค่านิยมส่วนบุคคลเป็นการตัดสินใจเลือกในสิ่งหรือสถานการณ์ที่ตนต้องการหรือพอใจนั้นถือว่าเป็นค่านิยม (Value) ของบุคคลนั้น เช่น นายแดง อยากเป็นคนขยันขันแข็งเอาการเอางาน นายแดงก็จะปฏิบัติตามตามพื้นฐานของความคิดของตนเอง เพราะฉะนั้น นายแดงจะมีค่านิยมของความขยันขันแข็งและแสดงความเป็นคนขยันออกมา
                ๒. ค่านิยมของสังคม ซึ่งนักวิชาการได้แสดงทัศนะไว้ต่าง ๆ กันดังนี้ ค่านิยมของสังคม คือ การรวมค่านิยมของคนส่วนใหญ่ในสังคม กล่าวคือ สมาชิกของสังคมส่วนใหญ่นิยมส่ง หรืออยากจะปฏิบัติตนในสถานการณ์นั้น ๆ อย่างไร สิ่งหรือสถานการณ์นั้น ๆ ก็กลายเป็นค่านิยมของสังคม ของสังคมนั้น ขอยกตัวอย่าง เช่น ในสถานการณ์ที่ผัวเมียตบตีกัน สมาชิกส่วนใหญ่ของสังคมอยากสอดรู้สอดเห็นถึงความเดือดร้อนของคนอื่นจึงได้ไปมุงดู การมุงดูก็เป็นค่านิยมของสังคมนั้น
                ค่านิยมของสังคม หมายถึง สิ่งที่ตนสนใจ สิ่งที่ตนปรารถนาจะได้ ปรารถนาจะเห็นหรือกลับกลายมาเป็นสิ่งที่คนถือว่าเป็นสิ่งบังคับ ต้องทำต้องปฏิบัติ เป็นสิ่งที่คนบูชายกย่อง และมีความสุขจะได้เห็น ได้ฟัง ได้เป็นเจ้าของ
                ค่านิยมของสังคม หมายถึงค่านิยมของคนส่วนใหญ่ในสังคมกล่าวคือสมาชิกของสังคมส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม หรือควรแก่การปฏิบัติสิ่งหรือสถานการณ์นั้น ๆ ก็จะกลายเป็นค่านิยมของสังคมนั้น ๆ
                ค่านิยมออกเป็น 2 ระดับคือ
                ๑.  ค่านิยมในทางปฏิบัติ (Pragmatic values) เป็นหลักของศีลธรรมที่ตั้งอยู่บนรากฐานที่ว่าตนในสังคมต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดังนั้นค่านิยมจึงประณาม สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม เช่น การคดโกง การทำร้ายกัน และยกย่องพฤติกรรมที่เป้นประโยชน์ต่อส่วนรวม เช่น ความขยันขันแข็ง ความซื่อสัตย์
                ๒. ค่านิยมอุดมคติ (Ideal values) ซึ่งมีความลึกซึ่งกว่าค่านิยมในทางปฏิบัติ เช่นศาสนาคริสต์สอนว่าให้คนรักเพื่อนบ้านเหมือนกับรักตนเอง ซึ่งน้อยคนที่จะปฏิบัติตามได้ แต่ค่านิยมระดับนี้ก็มีความสำคัญในการทำให้คนเห็นแก่ตัวน้อยลง


ความสำคัญของค่านิยม
                อาจกล่าวได้ว่าค่านิยมมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรม ค่านิยมบางอย่างได้สร้างแก่นของวัฒนธรรมนั่นเอง เช่น ค่านิยมเรื่องรักอิสรเสรีของสังคมไทย ทำให้คนไทยมีพฤติกรรมที่ “ทำอะไรตามใจคือไทยแท้” เพราะฉะนั้นค่านิยมจึงมีความสำคัญมากและมีผลกระทบถึงความเจริญหรือความเสื่อมของสังคม กล่าวคือ สังคมที่มีค่านิยมที่เหมาะสมและถูกต้อง เช่น ถ้าสังคมใดยืดถือค่านิยมเรื่องความซื่อสัตย์ ความขยันหมั่นเพียร ความเสียสละ หรือความสามัคคี สังคมนั้นย่อมจะเจริญก้าวหน้าแน่นอนแต่ในทางกลับกัน ถ้าสังคมใดมีค่านิยมที่ไม่สนับสนุนความเจริญ เช่น ค่านิยมที่เชื่อเรื่องโชคชะตาก็จะก่อให้เกิดพฤติกรรมไม่กระตือรือร้น หรือเฉื่อยชา ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการพัฒนา เป็นต้น


 อิทธิพลของค่านิยมต่อตัวบุคคล
                ค่านิยมไม่ว่าจะเป็นของบุคคลหรือค่านิยมของสังคม จะมีอิทธิพลต่อตัวบุคคล ดังนี้ คือ
                ๑. ช่วยให้บุคคลตัดสินใจว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ดีหรือไม่ดี มีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่าควรทำหรือไม่ควรทำ
                ๒. ช่วยให้บุคคลในการกำหนดท่าทีของตนต่อเหตุการณ์ที่ตนต้องเผชิญ
                ๓. ช่วยสร้างมาตรฐาน และแบบฉบับจากการประพฤติปฏิบัติของบุคคล
                ๔. มีอิทธิพลเหนือบุคคลในการเลือกคบหาสมาคมกับบุคคลอื่น และเลือกกิจกรรม
ทางสังคม ซึ่งตนจะต้องเข้าไปร่วมด้วย
                ๕. ช่วยให้บุคคลกำหนดความคิดและแนวทางปฏิบัติ
                ๖. ช่วยเสริมสร้างหลักศีลธรรม ซึ่งบุคคลจะใช้ในการพิจารณา การกระทำของตนอย่างมีเหตุผล


 แง่คิดเกี่ยวกับค่านิยม
                ๑. โดยปกติแล้วบุคคลมักจะมีค่านิยมในเรื่องเดียวกันหรือสิ่งเดียวกัน แตกต่างกันไป ทั้งนี้เพราะแต่ละบุคคลมีความรู้ ประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน แต่บุคคลก็อาจจะมีค่านิยมในบางเรื่องตรงกันได้ เรียกว่า ค่านิยมร่วม (shared values) ซึ่งส่วนมากมักได้มาจากอิทธิพลของศาสนา
                ๒. มนุษย์เรามักจะชอบคบหาสมาคมกับบุคคลที่ยืดถือค่านิยมอย่างเดียวกัน
                ๓. ค่านิยมบางอย่างได้กลายมาเป็นกฎหมายเช่น ค่านิยมในเรื่องเสรีภาพก่อให้เกิดกฎหมายเกี่ยวกับเสรีภาพส่วนบุคคล
                ๔. ค่านิยมย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา กล่าวคือ ค่านิยมบางอย่างอาจเสื่อม
ความนิยมไป หรืออาจมีค่านิยมใหม่บางอย่างเกิดขึ้นมา เช่น ค่านิยมของกุลสตรีไทย แบบผ้าพับไว้ ปัจจุบันสังคมไทยเริ่มเปลี่ยนเป็นนิยมหญิงไทยที่มีลักษณะคล่องแคล่วว่องไวเหมาะสมกับสภาพของสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น
                ๕. ค่านิยมของคนและค่านิยมของสังคมจะกำหนดการตัดสินใจในการเลือกของบุคคล
                ๖. ค่านิยมบางอย่าง ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลด้วยกัน แต่ค่านิยมบางอย่างเป็นไปในทางตรงกันข้าม ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะค่านิยมมีอิทธิพลต่อความประพฤติของบุคคลทั่วไป ถ้าเรายิ่งมีความรู้สึกว่าค่านิยมใดมีความสำคัญต่อเรามาก เราก็มักจะรู้สึกลำเอียงว่าค่านิยมนั้นถูกต้องมากยิ่งขึ้นและคิดไปว่าค่านิยมที่ขัดแย้งกับของตนนั้นผิดและไม่ยอมรับ
                ๗. ค่านิยมของสังคม ไม่จำเป็นว่าต้องมีอยู่ในตัวบุคคลในสังคมนั้นทุกคนไป แต่อาจจะมีอยู่ในสมาชิกของสังคมส่วนใหญ่เท่านั้น เช่น การยกย่องคนร่ำรวย หรือเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบัน เป็นต้น


วิดีโอเกี่ยวกับค่านิยม



Interdependence


การพึ่งพาอาศัยกัน (Interdependence)


การพึ่งพาอาศัยในยุคโลกยุคโลกาภิวัตน์ 

          คำว่า “โลกาภิวัตน์” หมายถึง การแพร่กระจายไปทั่วโลก (ของข่าวสาร) การที่ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใดสามารถรับรู้ สัมผัส หรือ รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว กว้างขวาง สืบเนื่องมาจากการพัฒนาระบบสารสนเทศ ดังนั้นยุคโลกาภิวัตน์จึงเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร (Information Age) ที่ไร้พรมแดน อันเป็นยุคที่มีพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทางด้านเทคโนโลยีสื่อสารและคมนาคม ทำให้ประเทศต่าง ๆ ได้เข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้น กระแสโลกทั้งในรูปของทุนและข้อมูล รวมทั้งค่านิยมบางประการ เช่น สิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม ได้ขยายตัวครอบคลุมไปทั่วโลก

           ลักษณะสำคัญของโลกาภิวัตน์ จึงเป็นความหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายกิจกรรม
การดำเนินงาน ซึ่งแต่เดิมอาจจะผูกขาดอยู่ ณ ศูนย์หรือแหล่งไม่กี่แห่งในโลก ออกไปยังท้องถิ่นหรือศูนย์ใหม่ๆ หลากหลายมากขึ้น ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า สังคมยุคโลกาภิวัตน์จึงเป็นโลกที่มนุษย์สามารถข้ามพรมแดนของประเทศและสามารถทะลุกาลเวลาได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศในการติดต่อสื่อสารในลักษณะที่ไร้พรมแดน โลกในสายตาของผู้ที่อาศัยเทคโนโลยี จึงเป็นโลกใบเล็กที่สามารถติดต่อถึงกันได้ง่ายและรวดเร็ว
       
           ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี อันเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองโลก มีผลทำให้ประเทศต่าง ๆ ในโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โลกที่เคยกว้างใหญ่กลับเล็กลง ดินแดนแต่ละประเทศที่อยู่ห่างไกลกันสามารถติดต่อกันได้ภายในเวลาเสี้ยววินาทีประดุจเป็นหมู่บ้าน (Global Village) ภูเขาและทะเล ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติ ที่เคยเป็นอุปสรรคในการติดต่อไปมาหาสู่ ดูเสมือนเลือนหายไปจนกลายเป็นโลกไร้พรมแดน

          ลักษณะสำคัญของสังคมโลกยุคโลกาภิวัตน์
          คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร

          สังคมโลกาภิวัตน์คอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญมาก เพราะเป็นเครื่องมือที่จะรับและแปลงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและไม่ค่อยมีข้อจำกัด คอมพิวเตอร์ได้ถูกนำมาใช้ในการจัดเก็บ บันทึกข้อมูล จัดระบบข้อมูล และนำมาใช้สื่อสารถึงกันในเวลาอันรวดเร็วทุกมุมโลก ในระยะไม่กี่ปีมานี้ ได้มีการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ไปอย่างมาก จากเครื่องที่มีขนาดใหญ่ราคาแพง เป็นระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลที่มีขนาดเล็ก มีคุณภาพ ราคาถูก และศักยภาพสูง เครื่องคอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแพร่ข้อมูลข่าวสารในยุคโลกาภิวัตน์
       
          เกิดการเพิ่มขึ้นของแรงงานด้านข่าวสาร จำนวนแรงงานที่ทำงานเกี่ยวกับข่าวสาร ข้อมูลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แรงงานเหล่านี้ได้แก่ผู้ที่อยู่ในวงการการศึกษา การคมนาคม การพิมพ์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ สื่อสารมวลชน ทุกประเภท การเงิน การบัญชี รวมทั้งอุตสาหกรรมผลิตคอมพิวเตอร์หรือชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และงานที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาจัดการกับ ข่าวสารทุกชนิด

          เกิดการไหลบ่าของข้อมูลข่าวสาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมเจริญก้าวหน้า เศรษฐกิจที่เจริญก้าวหน้าทำให้โลกตะวันตกมั่งคั่งร่ำรวย ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดเป็นแรงกระตุ้นให้มีการวิจัยและพัฒนา เพื่อศึกษาค้นคว้าหาข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างไม่หยุดยั้ง สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ก็ทำหน้าที่ค้นคว้าวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีสื่อสารอันทันสมัยก็มีส่วนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายข้อมูลใหม่ ๆ หมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

          ระบบเศรษฐกิจประสานเป็นหนึ่งเดียว ในสังคมยุคโลกาภิวัตน์ระบบเศรษฐกิจจะมีการประสานเป็นหนึ่งเดียว ทำให้พรมแดนแต่ละประเทศไม่อาจขวางกั้นพลังทางเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ ระบบเศรษฐกิจยังได้เปลี่ยนรากฐานจากระบบอุตสาหกรรมมาเป็นระบบเศรษฐกิจแบบฐานข่าวสาร (Information based economy) ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการผลิต การจัดการ และเผยแพร่ข่าวสาร ข่าวสารกลายเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง ตัวอย่างธุรกิจชนิดนี้ เช่น การผลิตคอมพิวเตอร์ เครื่องโทรคมนาคม วิทยุ โทรทัศน์ การพิมพ์ โทรศัพท์ หนังสือ วารสาร เป็นต้น ข่าวสารกลายเป็นเรื่องสำคัญและเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้ต้องการใช้ข่าวสารต้องเสียค่าใช้จ่าย ข่าวสารกลายเป็นแหล่งทุน และเป็นบ่อเกิดของการว่าจ้างแรงงาน


 ผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่อสังคมโลก

          ผลกระทบด้านสังคม
          การครอบโลกทางวัฒนธรรม เนื่องจากระบบสื่อสารไร้พรมแดน ทำให้เกิดการครอบโลกทางวัฒนธรรม อิทธิพลของวัฒนธรรมและอำนาจของเศรษฐกิจจากประเทศที่พัฒนาแล้วได้ไหลบ่าเข้าสู่ประเทศอื่นอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดกระแสวัฒนธรรมโลก (Neo - Westernization) ครอบงำทาง ความคิด การมองโลก การแต่งกาย การบริโภคนิยม แพร่หลายเข้าครอบคลุมเหนือวัฒนธรรมประจำชาติของแต่ละประเทศ ผลที่ตามมา คือ เกิดระบบผูกขาดแบบไร้พรมแดน

          หมู่บ้านโลก (Global Village) จากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม ทำ ให้สังคมโลกไร้พรมแดน โลกทั้งโลกเป็นเสมือนหมู่บ้าน เดียวกัน สมาชิกของหมู่บ้านคนใดทำอะไร ก็สามารถรับรู้ได้ ทั่วกันทั่วโลก เมื่อมาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน สิ่งใดที่มากระทบประเทศหนึ่งก็ย่อมกระทบถึงประเทศอื่น ๆ ไปด้วยอย่างมิอาจ หลีกเลี่ยงได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกสามารถรับรู้ได้อย่างฉับพลัน
จากผลกระทบด้านสังคมที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่า มีปรากฏการณ์ที่เราเรียกว่า POP CULTURE เกิดขึ้น ปรากฏการณ์นี้ คือรูปแบบวัฒนธรรมที่มีการประพฤติ ปฏิบัติในวงกว้าง เช่นการบริโภค อาหารแบบ FAST FOOD ตามวิถีแบบอเมริกันชนความเป็นอยู่ การศึกษา ต่างๆ ที่เป็นแบบแผน เดียวกัน ในการดำเนินชีวิต


          ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
          ระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ ซึ่งมีข้อมูลข่าวสารเข้ามามีบทบาทสำคัญ ซึ่งจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงด้านการผลิตสินค้า จากการผลิตที่เหมือนกันในปริมาณที่เป็นจำนวนมาก มาเป็นการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมในการผลิต โดยมีลักษณะการใช้งานเฉพาะ ซึ่งใช้ระยะเวลาการผลิตสั้นกว่า สิ้นเปลืองน้อยกว่า จะเข้ามาแทนที่ เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนอาจได้รับการผลิตในประเทศต่าง ๆ 4 ประเทศ ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน แล้วนำมาประกอบในประเทศที่ 5 แล้วส่งขายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นลักษณะของการเกิดบริษัทข้ามชาติทุนข้ามชาติ ที่เข้าไปเสาะแสวงหาผลกำไร อย่างไร้พรมแดนในดินแดนต่างๆ ทั่วโลก แล้วกำไรเหล่านั้น ถูกส่งไปพัฒนา หรือถูกส่งไปยังบริษัทใหญ่ในประเทศแม่ เป็นแบบฉบับธุรกิจโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีผลทำให้ธุรกิจ การเงิน หลักทรัพย์ ธนาคาร ประกันภัย ต้องปรับตัวเพื่อรองรับธุรกิจแบบโลกาภิวัตน์ด้วย การผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมจะเปลี่ยนระบบการผลิตมาเป็นการผลิตอย่าง ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ระบบการเงินก็จะต้องปรับมาบริการแบบ 24 ชั่วโมงด้วย กระแสเงินตราต่าง ๆ ได้ผ่านเข้าออกธนาคารตลอดเวลาในช่วงเวลาที่วัดกันเป็นเสี้ยววินาที โดยใช้อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอัตราเร็วนี้คือความสามารถที่จะก้าวล้ำหน้า ทำให้มีผลต่อการกระจายอำนาจและผลกำไรอย่างมากมาย นอกจากนั้น กระแสการแข่งขันด้านการค้าและการแสวงหาตลาดได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสภาพข้ามชาติอย่างแท้จริง การค้าและช่องทางการเข้าสู่ตลาดโลกมิอาจดำเนินไปในรูปแบบที่เรียกว่า ลัทธิพาณิชย์นิยม (Mercantilism) ที่เคยเป็นลักษณะหนึ่งของการแข่งขัน เพื่อผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์ในอดีต การดำเนินกิจกรรมทางการค้าได้พัฒนาซับซ้อนและมีกลไกมีวิธีการหลากหลายมากขึ้น ในยุคนี้จะได้เห็น “การทูตแผนใหม่” (New Diplomacy) ที่มุ่งไปที่พันธมิตรทางธุรกิจ การค้าและอุตสาหกรรม แทนการใช้ระบบการเมืองดังที่เคยปรากฏในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา

          ผลกระทบด้านการเมือง
          เกิดความรู้สึกท้องถิ่นนิยม (Localism) กระแสโลกาภิวัตน์สร้างความรู้สึกท้องถิ่นนิยมแทนที่อุดมการณ์ชาตินิยม เนื่องจากสังคมยุคโลกาภิวัตน์เป็นยุคแห่งข่าวสาร ซึ่งประชาชนใน ท้องถิ่นสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนของตนได้อย่างรวดเร็วจากสื่อมวลชน ทำให้เกิดการปลุกจิตสำนึกของประชาชนในท้องถิ่น ให้รู้จักเห็นคุณค่าอนุรักษ์ รักษา และหวงแหนทรัพยากรภายในท้องถิ่นของตน พร้อมทั้งตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาลกลาง หากรัฐบาลกลางหวังจะตักตวงผลประโยชน์จากท้องถิ่นโดยไม่โปร่งใส ก็จะถูกต่อต้านจาก ประชาชนในท้องถิ่น ดังที่เราได้พบเห็นที่กลุ่ม ประชาชน ออกมาเรียกร้อง สิทธิ ความเสมอภาคต่างๆ


Global Citizenship


ความเป็นพลเมืองโลก (Global Citizenship)

การศึกษาช่วยพัฒนาประชาคมสู่การเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) ได้อย่างไร

การจัดการเรียนเรียนรู้วิชาพลโลก 

                        หลักสูตรแกนกลาง พุทธศักราช 2551  ได้กล่าวถึง การสร้างนักเรียนให้เป็นพลโลก  หรือพลเมืองโลก (Global Citizen)  ไว้ในวิสัยทัศน์ของหลักสูตร  ดังนี้  “หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน  มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน  ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุล ทั้งด้านร่างกาย  ความรู้  คุณธรรม  มีจิตสำนึกในความเป็น พลเมืองไทย และเป็นพลโลก  ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  มีความรู้และทักษะพื้นฐาน  รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ  การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต  โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า  ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ”

ทำไม ทำอย่างไร จึงจะนำนักเรียน สู่ความเป็นพลโลก

                         เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 255   ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพมหานคร มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาเรื่องการพัฒนาหลักสูตรเพื่อการสร้างพลเมืองโลกในอนาคต (Curriculum Development for Future Global Citizens Conference)  ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมกับ British Council  จัดขึ้นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิได้ ให้หลักการ แนวคิด ไว้ที่ต้องให้ความสนใจ ซึ่งพอสรุปได้  ดังนี้

จอห์น   แมคโดนัลด์  ผู้อำนวยการองค์การควบคุมคุณภาพการศึกษา  สก๊อตแลนด์

-          หลักสูตรจะต้องสร้างให้เด็กรุ่นใหม่ให้มีความสามารถในการสื่อสารระดับสากลโดยมีภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางพร้อมที่จะเรียนรู้ เข้าใจ และยอมรับในศาสนา วัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่าง มีความรับผิดชอบและมุ่งมั่นพัฒนาสังคมส่วนรวมในวงกว้างระดับนานาชาติโดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตน แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของประเทศและของตนไว้

-          หลักสูตรจะต้องช่วยให้เด็กพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่ รู้จักคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ใช้เทคโนโลยีหาความรู้   มีความรู้ทั้งวิชาการ วิชาชีพและทักษะชีวิต   รู้จักตนเองและให้เกียรติผู้อื่น  เป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี  ทำงานเป็นทีมและมีคุณธรรม  

มิสโมอิรา     แมคเคอราเชอร์     ผอ.ฝ่ายการศึกษk ระหว่างประเทศ องค์การควบคุมคุณภาพการศึกษา  สก๊อตแลนด์

-          การสร้างเด็กให้มีคุณภาพจะต้องพัฒนาครูให้มีความเป็นเลิศในวิชาที่สอน  รู้จักออกแบบการเรียนการสอน และประเมินวัดผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อเด็ก

ดร.ซูฮ์   สวีนี     ผู้จัดการฝ่ายหลักสูตรการศึกษาวิทยาลัยอายร์  สก๊อตแลนด์

-          การสร้างเด็กให้เป็นพลเมืองที่ดีของโลกนั้นครูมีบทบาทสำคัญที่สุดรวมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบอาชีพด้านต่างๆเช่น นักวิทยาศาสตร์มาช่วยครูให้ความรู้เด็ก

รศ.สุชาดา   นิมมานนิตย์     กรรมการบริหารสถาบันภาษา                   จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

-          เด็กไทยยังมีจุดอ่อนด้านคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้ และไม่แบ่งปันความรู้ให้เพื่อนๆ  ซึ่งครูต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาและพัฒนาเด็ก

คุณหญิงกษมา  วรวรรณ  ณ  อยุธยา   เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

-          เนื้อหาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานปี2551 นั้นสามารถพัฒนาเด็กให้เป็นพลเมืองคุณภาพของโลกได้อย่างดี   เร็วๆนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)จะลงนามความร่วมมือกับกระทรวงต่างๆเช่น กระทรวงวัฒนธรรม  กระทรวงสาธารณสุข  เพื่อให้ช่วยนำความรู้ที่ไม่มีในตำราเรียนทั้ง  8 กลุ่มสาระมาลงในเวบไซต์ สพฐ.  เพื่อให้ความรู้แก่ครูและเด็กจะเริ่มเปิดให้บริการในเดือนพ.ค.นี้

 ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประธานในพิธีเปิด
                  - กระทรวงศึกษาธิการนับเป็นหน่วยงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ทำให้ประชาชนมีความพร้อมที่จะทำประโยชน์ของตนและของโลก โดยมุ่งเน้นบุคลากรบนพื้นฐานของความมีเหตุมีผล มีความรับผิดชอบ ด้วยเล็งเห็นถึงคุณภาพเหล่านี้ต่อพลเมืองโลกในอนาคต
                 - การพัฒนาหลักสูตรเพื่อการพัฒนาพลเมืองโลกจะส่งเสริมให้มีการประสานงานให้เกิดความเท่าเทียมกันและเกิดการเรียนการสอนที่เหมาะสมทั้งวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ กระทรวงศึกษาธิการจะได้จัดหาโอกาสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการสร้างพลเมืองโลกในอนาคต

                    การประชุมสัมมนาเรื่องการพัฒนาหลักสูตรเพื่อสร้างพลเมืองโลกในอนาคตจัดขึ้นเพื่อสร้างทักษะความจำเป็นในการเป็นพลเมืองโลก โดยผ่านการพัฒนาหลักสูตรระดับมัธยมศึกษา เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องการพัฒนาหลักสูตรเพื่อพลเมืองโลก โดยได้เชิญวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิจากนานาประเทศมาบรรยายให้ความรู้ ตลอดจนส่งเสริมการศึกษา Inter – Faith โดยเชื่อมโยงแนวความคิดเรื่องโอกาสที่เท่าเทียมกัน

           สรุป   นักการศึกษาเสนอแนะให้พัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองคุณภาพของโลกโดยการพัฒนาหลัก สูตรปลูกฝังให้เยาชนมีความรู้วิชาการ-วิชาชีพ ทักษะชีวิต  มีคุณธรรมและยึดประโยชน์ส่วนรวมในระดับสากล

สร้างความคิดรวบยอด (Concept) เรื่องพลเมืองโลก ผ่านหลักสูตรสถานศึกษาโดย  บูรณาการกับวัตถุประสงค์ และกิจกรรม CCAD  ดังนี้

-          พลโลกมีความเหมือนและความแตกต่างกัน หลายด้าน เช่น สถานที่อยู่อาศัย ภาษา

ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรม ภาษา  ชีวิตความเป็นอยู่

-          สันติสุขจะดำรงอยู่ได้ ต้องอาศัยการพัฒนาการอยู่ร่วมกันหลายด้าน เช่น

การติดต่อสื่อสาร  การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การค้า และการร่วมกิจกรรมในระดับนาๆ ชาติ อื่นๆ

-          พลโลกจะอยู่ร่วมโลกกันอย่างสันติสุขได้ ต้องเข้าใจ  ยอมรับ และเรียนรู้  ความเหมือนและความแตกต่างกัน

-          โลกจะดำรงอยู่ได้ พลโลกต้องร่วมมือกันรักษ์โลก”



 โลกจะดำรงอยู่ได้ พลโลกต้องร่วมมือกันรักษ์โลก

สันติสุขจะดำรงอยู่ได้ ต้องอาศัยการพัฒนาการอยู่ร่วมกันหลายด้าน เช่น การติดต่อสื่อสาร  การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การค้า และการร่วมกิจกรรมในระดับนาๆ ชาติอื่นๆ เช่น  CCADพลโลก จะอยู่ร่วมโลกกันอย่างสันติสุขได้ ต้องเข้าใจ  ยอมรับ และเรียนรู้  ความเหมือนและความแตกต่างกันพลโลกมีความเหมือนและความแตกต่างกัน หลายด้าน เช่น สถานที่อยู่อาศัย ภาษา  ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรม ภาษา  ชีวิตความเป็นอยู่



วิดีโอเกี่ยวกับความเป็นพลเมืองโลก



วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

โลกศึกษา





วิเคราะห์กรณีตัวอย่างในโฆษณาแพนทีน

1.        ปัญหาเกิดขึ้นที่ใด
=  ตัวของเขาเอง

2.        ปัญหาความขัดแย้งคือเรื่องใดบ้าง
= ไม่ยอมรับความสามารถของคนอื่น ลแกลัวคนอื่นทำได้ดีกว่า

3.        สาเหตุของความขัดแย้งคือสาเหตุใด
ค่านิยม คือ ไม่เชื่อ และยอมรับความสามารถของคนพิการหูหนวก

4.        ปัญหาความขัดแย้งเป็นความขัดแย้งประเภทใด
ความขัดแย้งด้านค่านิยม

5.        วิธีการแก้ไขความขัดแย้งใช้วิธีใด
= การไกล่เกลี่ย  คือ  มีบุคคลที่ 3 เป็นคนกลางเข้ามาช่วยเหลือ แนะนำคู่กรณีในการเจรจาต่อรอง

6.        ระบุแต่ละขั้นในการจัดการความขัดแย้ง
ขั้นที่ 1  เผชิญกับความขัดแย้ง             
เป็นสิ่งแรกที่ผู้เกี่ยวข้องต้องกระทำ โดยการเผชิญหน้าจะต้องเลือกกระทำอย่างเหมาะสม รวบรวมบุคคลที่เกี่ยวข้องมาแก้ไข
     ขั้นที่ 2  เข้าใจสถานภาพของแต่ละฝ่าย
                   จะทำให้การจัดการความขัดแย้งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจและนำไป      ปฏิบัติ
ขั้นที่ ระบุปัญหา
                ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องพยายามที่จะให้ความชัดเจนหรือจะต้องระบุปัญหาร่วมกัน  โดยเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย
ขั้นที่ แสวงหาและประเมิน
                ต้องการคำตอบหรือทางเลือกที่เป็นที่พอใจและยอมรับของทั้ง 2 ฝ่าย  คำตอบที่ได้ต้องปราศจากความรู้สึกเป็นศัตรู
ขั้นที่ตกลงและแนะนำทางเลือกที่ดีที่สุดไปใช้
                ประเมินทางเลือกที่สร้างขึ้น และเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด  ส่วนการทำข้อตกลงอาจทำในรูปของสัญญา
               
7.        สถานการณ์การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ผลเป็นสถานการณ์ใด
=  ชนะ แพ้   มักเกิดจากการจัดการกับความขัดแย้งที่ผู้ขัดแย้งแข่งขันกัน  เพื่อบรรลุผลประโยชน์

วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Super junior


ซูเปอร์จูเนียร์ 


ซูเปอร์จูเนียร์ (อังกฤษ: Super Junior; เกาหลี: 슈퍼주니어) หรือที่เรียกสั้นๆว่า "เอสเจ (SJ)" หรือ "ซูจู (SuJu)" เป็นกลุ่มวงดนตรีบอยแบนด์จากประเทศเกาหลีใต้ ในสังกัดของ เอสเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เดิมประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 12 คน (ชาวเกาหลี 11 คน และชาวจีน 1 คน) แต่ก็ได้รับสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 1 คน ทำให้ซูเปอร์จูเนียร์มีสมาชิกรวมแล้ว 13 คน ถือได้ว่าเป็นวงบอยแบนด์ที่มีสมาชิกมากที่สุดอีกวงหนึ่ง โดยสมาชิกทั้งหมดของวงล้วนแล้วแต่ผ่านการคัดเลือกจากเวทีต่างๆเข้ามา และทั้งหมดก็ล้วนแต่มีความสามารถที่มีลักษณะเฉพาะตัว โดยล้วนแล้วแต่ผ่านการทำงานในสายบันเทิงมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการแสดง พิธีกร หรือนายแบบ
สีประจำวงซูเปอร์จูเนียร์คือสีน้ำเงินมุกหรือสีน้ำเงินมรกต (Sapphire Blue)

ประวัติและความเป็นมา

[แก้]ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ในช่วงต้น พ.ศ. 2547 เกิดข่าวลือหนาหูหนีแพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับการก่อตั้งบอยแบนด์กลุ่มใหญ่ของ เอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ จนกระทั่งในตอนต้น พ.ศ. 2548 เอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้ออกมายืนยันข่าวลือดังกล่าว พร้อมประกาศว่า บอยแบนด์กลุ่มดังกล่าวจะมีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้นกว่า 12 คน และจะทำการเปิดตัวต่อสาธารณชนในช่วงก่อนสิ้นปี นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเน้นว่า บอยแบนด์กลุ่มนี้จะกลายเป็น ประตูสู่ความเป็นดาวแห่งเอเชีย ในขณะนั้น พวกเขาถูกเรียนขานว่า โอเวอร์ หรือ โอ.วี.อี.อาร์. (O.V.E.R.) ซึ่งย่อมาจาก ยึดมั่นในท่วงทำนองของแต่ละจังหวะ (Obey the Voice for Each Rhythm) และในภายหลัง ได้กลายมาเป็น ซูเปอร์จูเนียร์ 05 ก้าวแรกของซูเปอร์จูเนียร์ในปัจจุบัน
ซูเปอร์จูเนียร์ได้ออกมาปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ก่อนหน้าการเปิดตัวในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2548 ทางสถานี M.NET ในรายการดังกล่าว ซูเปอร์จูเนียร์ได้แสดงการเต้นสไตล์ฮิบฮอปในหลากหลายรูปแบบ พวกเขาทั้งหมดเต้นร่วมกันในเพลง "Take It To The Floor" ของวงบีทูเค (B2K) นอกจากนั้น ฮันคยอง อึนฮยอค และดงแฮ ยังได้เต้นเพลง "Caught Up" ของ อัชเชอร์ (Usher) อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี รายการดังกล่าวไม่ได้ถูกนำออกอากาศ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 รายการที่บันทึกไว้ได้กลายเป็นช่วงหนึ่งของรายการ Super Junior Show ซึ่งเป็นรายการสารคดีทางโทรทัศน์เรื่องแรกของพวกเขา

2548 - 2549 : เปิดตัวต่อสาธารณชน


ภาพโปรโมตภาพแรกของซูเปอร์จูเนียร์
ซูเปอร์จูเนียร์ได้เปิดตัวและออกรายการโทรทัศน์ครั้งแรกที่สถานีเอสบีเอส ในรายการ "Ingigayo" หรือ "Popular Songs" เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนพ.ศ. 2548พร้อมกับการแสดงในเพลง "Twins (Knock Out)" ซิงเกิลแรกของพวกเขา ซึ่งภายหลังจากการแสดงครั้งนั้น ซูเปอร์จูเนียร์ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนเพลง และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ทางต้นสังกัดตัดสินใจที่จะออกวางขายอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของซูเปอร์จูเนียร์ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2548 โดยที่ก่อนหน้านี้นั้นซูเปอร์จูเนียร์ ได้ออกซิงเกิลพิเศษที่มีชื่อว่า "Show Me Your Love" ร่วมกับสมาชิกร่วมค่ายอย่างวงดง บัง ชิน กิ‎ไปแล้ว เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2548
นอกจากความโด่งดังของซูเปอร์จูเนียร์ในประเทศเกาหลีใต้บ้านเกิดแล้ว พวกเขายังเป็นที่รู้จักในต่างประเทศอีกด้วยโดยเฉพาะในประเทศไทย ที่พวกเขาได้มีโอกาสไปร่วมงาน "พัทยามิวสิกเฟสติวอล 2006" เมื่อวันที่ 17 มีนาคม - 19 มีนาคม พ.ศ. 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ในประเทศจีนเองพวกเขาก็มีเว็บไซต์ที่เหล่าแฟนคลับทำขึ้น

2549 - 2550 : ซิงเกิล "U" และความสำเร็จ


ภาพโปรโมตซิงเกิล "U" ครั้งแรกของการเป็น 13 คน
ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 เอสเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ตันสังกัดได้ประกาศสมาชิกคนที่ 13 คยูฮยอน ทำให้ซูเปอร์จูเนียร์ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 13 คน และพวกเขาได้ออกซิงเกิลใหม่ที่มีชื่อว่า "U" โดยได้เปิดให้ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของ เอสเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ฟรี ในวันที่25 พฤษภาคม และ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ตามลำดับ เพื่อตอบแทนแฟนเพลงที่ให้การตอบรับซูเปอร์จูเนียร์เป็นอย่างดี โดยมียอดดาว์นโหลดกว่า 400,000 ครั้งภายใน 5 ชั่วโมง และยอดดาว์นโหลดรวมกว่า 1.4 ล้านครั้ง
ซีดีซิงเกิล "U" ได้ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2549 และสามารถขายได้กว่า 83,000 หน่วย
ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมิวสิกวิดีโอของพวกเขา ที่มีชื่อว่า "Dancing Out" ได้เริ่มออกอากาศตามสถานีโทรทัศน์ และซูเปอร์จูเนียร์ก็ได้ออกแสดงโปรโมทตามรายการโทรทัศน์สถานีต่างๆ โดยมิวสิกวีดีโอเพลงนี้ถ่ายทำกันที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อครั้งที่ซูเปอร์จูเนียร์ได้เป็นแขกรับเชิญพิเศษให้กับคอนเสิร์ตของนักร้องร่วมค่ายอย่าง ดง บัง ชิน กิ ที่จัดขึ้นที่นั่นในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นถึง 2 เรื่องเมื่อคุณพ่อของดงเฮ 1 ในสมาชิกในวงเกิดเสียชีวิตลงอย่างกระทันหันด้วยอาการป่วยเรื้อรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ทำให้สมาชิกในวงต้องเดินทางกลับไปยังเกาหลีใต้เพื่อร่วมพิธีศพที่จัดขึ้นในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2549 หลังจากเสร็จสิ้นงานพิธีศพแล้ว ในระหว่างการเดินทางกลับของ 1 ในสมาชิกในวง ฮีชอล ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ขา ซึ่งแพทย์ระบุว่าฮีชอลนั้นต้องพักงานนานเป็นเวลากว่า 3-6 เดือนด้วยกัน ส่งผลให้ซูเปอร์จูเนียร์จำเป็นต้องพักงานที่รับไว้ในช่วงหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น 1 สัปดาห์เกือบทั้งหมด

2550 : อัลบั้มที่ 2 Don't Don


ภาพโปรโมตอัลบั้ม Don't Don
สืบเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ของสมาชิกในวง ทำไห้โครงการสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 2 ของซูเปอร์จูเนียร์ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกระทั่ง Don't Don ได้รับการออกวางจำหน่ายในที่สุด เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550 ซูเปอร์จูเนียร์ได้ร่วมกันขึ้นแสดงอีกครั้งเป็นครั้งแรกสำหรับการโปรโมทอัลบั้มชุดนี้ ที่รายการมิวสิกแบงก์ ทางสถานีเคบีเอส เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2550 และการแสดงในครั้งนี้ก็นับเป็นแรกที่ทั้ง 13 คนได้ขึ้นแสดงพร้อมกันในรอบ 1 ปีอีกด้วย
Don't Don เปิดตัวด้วยอันดับที่ 1 บนchartโดยภายใน 7 วันหลังออกวางจำหน่าย สามารถทำยอดจำหน่ายได้กว่า 60,000 หน่วย และหลังจากนั้น 3 เดือน Don't Don สามารถทำยอดจำหน่ายได้มากถึง 164,058 ชุด และกลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของซูเปอร์จูเนียร์ นอกจากนี้ ยังรั้งอันดับ 2 ในชาร์ตอัลบั้มขายดีที่สุดในปี พ.ศ. 2550 เป็นรองแค่อัลบั้ม The Sentimental Chord ของเอสจีวอนนาบีที่รั้งอันดับหนึ่ง ด้วยยอดขายที่นำอยู่ราว 26,940 ชุด
จากผลงานอัลบั้ม Don't Don ซูเปอร์จูเนียร์มีชื่อเข้าชิงรางวัลในงาน 2007 M.NET/KM Music Festival ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ถึง 7 สาขา และสามารถคว้ารางวัลกลับบ้านได้ถึง 3 รายการ ได้แก่ Netizen Choice Award และ Mobile Popularity รวมไปถึงรางวัลใหญ่ที่สุดในงาน (แดแซง - Daesang) Best Artist of the Year. ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอย่างสูงของซูเปอร์จูเนียร์และอัลบั้มชุดนี้ และจากความนิยมในตัวซูเปอร์จูเนียร์อย่างล้นหลามในประเทศไทย ทำให้ล่าสุด พวกเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย - เกาหลีใต้ ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์อีกด้วย

2551 : ปีทองของซูเปอร์จูเนียร์และการบุกตลาดต่างประเทศ

เอสเอ็ม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เตรียมเปิดตัวกลุ่มย่อยกลุ่มใหม่ ในชื่อซูเปอร์จูเนียร์ ไชนา ท่ามกลางการประท้วงของเหล่าแฟนคลับ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 เมษายน มีการแถลงข่าวของกลุ่มย่อยกลุ่มนี้ ภายใต้ชื่อ ซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม โดยตัวเอ็ม (M) ย่อมาจาก แมนดาริน ประกอบด้วยสมาชิกจากซูเปอร์จูเนียร์จำนวน 7 คนคือ ฮันกยอง , ดงเฮ , คยูฮยอน , รยออุค , ชีวอน และอีก 2 คนที่เพิ่มเข้ามาเฉพาะยูนิตนี้ คือ เฮนรี และ โจวมี แล้วปีพ.ศ. 2554 ยูนิตแมนดาริน ได้เพิ่มสมาชิกจากวงซูเปอร์จูเนียร์อีก2คน คือ ซองมิน และ อึนฮยอก
7 มิถุนายน ได้มีการเปิดตัวกลุ่ยย่อยใหม่อีกกลุ่มหนึ่งของซุปเปอร์จูเนียร์ ภายใต้ชื่อ ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้ (Super Junior Happy)  ที่งาน 2008 Dream Concert โดยมีสมาชิกคือ อีทึก , คังอิน ,อึนฮยอค , ชินดง , ซองมิน และ เยซอง และ 35 ชั่วโมงหลังจากการจำหน่ายอัลบั้มก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 3500 แผ่น และมียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้ กำลังได้รับความนิยม และกระแสตอบรับอย่างดีจากแฟน ๆ
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ซูเปอร์จูเนียร์ได้เดินทางไปร่วมงาน เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส 2008 ที่จัดขึ้นที่เก็นติงไฮแลนด์ ประเทศมาเลเซีย พวกเขาได้ขึ้นแสดงเพลง "Mirror" "Don't Don" และ "A Man In Love" ซึ่งในงานนี้ ซูเปอร์จูเนียร์ได้รับรางวัล "ศิลปินยอดนิยมจากเกาหลี" อีกด้วย

[แก้]2552 : อัลบั้มที่ 3 Sorry, Sorry

อัลบั้มลำดับที่ 3 ของซูเปอร์จูเนียร์ในชื่อ Sorry, Sorry ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2552 โดยก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการนั้น มียอดจองอัลบั้มกว่า 150,000 ชุด และซูเปอร์จูเนียร์ได้ทำการขึ้นแสดงเพลง "Sorry, Sorry" ซิงเกิลแรกจากอัลบั้ม และเพลง "Why I Like You" ที่รายการมิวสิกแบงก์เพื่อประกาศถึงการกลับมา โดยท่าเต้นที่ใช้ในการแสดง รวมไปถึงในมิวสิกวิดีโอนั้น ได้รับการออกแบบโดยนิค แบส นักออกแบบท่าเต้นชื่อดัง
อัลบั้ม Sorry, Sorry ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตอัลบั้มขายดีของเกาหลีใต้ซึ่งมียอดจำหน่ายสูงถึง 200,000 ก็อปปี้ ส่วนซิงเกิล "Sorry, Sorry" นั้นก็ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตเพลงเช่นกัน
นอกจากนั้น single ที่ 2 ของซูเปอร์จูเนียร์ เพลง It's you หลังจากเปิดตัวได้เพียง 1 สัปดาห์ ก็สามารถครองอันดับ 1 ในชาร์ตต่างๆของเกาหลีได้ เช่น รายการมิวสิกแบง ของ KBS
และยังได้ รางวัล Channal [V] Thailand Top 50 of 2009 เพลง Sorry sorry ก็ได้ที่1อีกด้วย และยังได้รางวัล Asian popular Artist จากเวที Seed Award ของประเทศไทยอีกด้วย

[แก้]2553 : อัลบั้มที่ 4 Bonamana

ได้รับการยืนยันจาก SM Entertainment ต้นสังกัดแล้วว่าซูเปอร์จูเนียร์จะกลับมาพร้อมผลงานอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 ในเดือนพฤษภาคมนี้ จะออกทีเซอร์ในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 มิวสิกวิดีโอเต็มวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 อัลบั้มเต็มจะจำหน่าย วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 โดยประกอบด้วยสมาชิกเข้าร่วม 10 คน ขาดคังอินซึ่งติดเกณท์ทหาร คิบอมที่ติดงานแสดง และฮันเกิงยังไม่สิ้นสุดคดีกับต้นสังกัด อัลบั้มนี้แม้จะขายได้กว่าแสนชุด แต่ในยอดดิจิตอลถือว่าไม่ประสบความสำเร็จนัก ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าวงยังไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปนักและในประเทศไทยพวกเค้ายังประสบความสำเร็จด้วยการเป็นที่1ของปีในชาร์ตเพลง Channal [V] Thailand Top 50 2010 โดยเพลง Bonamana ได้ที่1ของปี ซึ้งเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้วที่พวกเค้าได้ ที่1 เพลงแห่งปีติดต่อกัน และเพลงไตเติ้ลของอัลบั้มนี้ คือ Bonamana ก็ยังครองแชมป์อันดับหนึ่งติดต่อกันได้นานถึง 52 สัปดาห์บนเว็บไซต์เพลงออนไลน์ KKBOX ของไต้หวันอีกด้วย

[แก้]2554 : อัลบั้มที่ 5 Mr.Simple

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ทาง SM Entertainment ต้นสังกัดได้มีการเปิดตัวภาพทีเซอร์เดี่ยวของสมาชิกในอัลบั้มเต็มชุดที่ 5 โดยในวันดังกล่าวได้เปิดตัวภาพทีเซอร์ของ อึนฮยอก หนึ่งในสมาชิกวงซึ่งในอัลบั้มนี้ได้เปลี่ยนสีผมของเขาเป็นสีบอล์นทอง และต่อมาได้มีการปล่อยภาพทีเซอร์ออกมาวันละภาพ ได้แก่ ดงเฮ , อีทึก , ชินดง และ คยูฮยอน ในวันเดียวกัน ซองมิน , รยออุค , เยซองซีวอน และ ฮีชอล ในวันเดียวกัน วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ได้เผยภาพทีเซอร์กลุ่มออกมาด้วย

[แก้]

แนวเพลงและสไตล์ทางดนตรี

ผลงานเพลงของซูเปอร์จูเนียร์นั้น อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นแนว เค-ป็อป อันเป็นแนวเพลงที่กำลังได้รับความนิยม เพลงในลักษณะนี้มักจะมีการผสมผสานกันระหว่างดนตรี ร็อก และ อาร์แอนด์บี เพิ่มเข้ามาด้วย ซิงเกิลเปิดตัวของพวกเขา "TWINS (Knock Out)" เป็นเพลงที่ถูกนำกลับมาร้องใหม่ หรือที่เรียกว่า เพลงคัฟเวอร์ ต้นฉบับเดิมเป็นของวง "Triple Eight" บอยแบนด์จากเกาะอังกฤษในชื่อเพลง "Knockout" ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2546 ในฉบับของซูเปอร์จูเนียร์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงสไตล์ของเพลงให้เป็นแร็ป - ร็อกที่หนักหน่วงยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยท่อนแร็ปที่เร็วขึ้น และเน้นเสียงเบสที่มีจังหวะรุนแรง ซิงเกิลต่อมา "Miracle" เป็นเพลงรักในแนวป็อปที่เบาสบาย ส่วนซิงเกิ้ล "U" อาจเรียกได้ว่า เป็นแนวเออร์บัน เพราะได้รับอิทธิพลของดนตรีอาร์แอนด์บีเข้ามาใช้มากขึ้น
ในอัลบั้มที่ 2 "Don't Don" ซิงเกิลเปิดอัลบั้มในชื่อเดียวกันนั้น เป็นเพลงร็อกที่หนักหน่วง บวกกับแร็ปและอาร์แอนด์บี และได้มีการนำเอาไวโอลินเข้ามาประกอบด้วย ในขณะที่ซิงเกิลที่ 2 อย่าง "Marry U" เป็นเพลงบัลลาด อาร์แอนด์บี นอกจากนี้ยังเพลงกึ่งฮิปฮอบอย่าง "A Man In Love" ซึ่งประกอบด้วยเครื่องดนตรีแบบเคาะให้จังหวะ เช่น djemba ของแอฟริกัน และ tabla ของอินเดีย
ฮีชอล, ชินดง และอึนฮยอค มีรายชื่อในฐานะผู้เขียนท่อนแร็ปในซิงเกิ้ลร่วมระหว่างซูเปอร์จูเนียร์ และดง บัง ชิน กิ อย่าง "Show Me Your Love"  นอกจากนั้น อึนฮยอค ยังมีชื่อในฐานะผู้เขียนท่อนแร็ปของซิงเกิล "U" อีกด้วย ในอัลบั้ม "Don't Don" สมาชิกหลายคนได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในส่วนของการเขียนเนื้อเพลง อีทึก, ซองมิน, อึนฮยอค และดงเฮ ร่วมกันเขียนเพลงในสไตล์ป็อปชื่อ "I am" และอึนฮยอคยังคงเป็นสมาชิกหลักที่มีบทบาทมากที่สุดในการเขียนและร้องแร็ปในอัลบั้มชุดนี้

[แก้]ลักษณะเสียงและความสามารถในการขับร้อง

การที่ซูเปอร์จูเนียร์มีจำนวนสมาชิกที่มากถึง 13 คนนั้นย่อมหมายถึง การมีเสียงในลักษณะแตกต่างและหลากหลายช่วง สมาชิกบางคน โดยเฉพาะ เยซอง นั้นได้รับการยอมรับถึงความสามารถในการใช้เทคนิคโหนเสียงสูง อีทึกฮีชอลฮันคยองซองมินดงเฮ และรยออุค จัดว่ามีเสียงอยูในช่วงแบริโทนขั้นสูง จนถึง ช่วงเทเนอร์ ในขณะที่คังอิน และซีวอนมีเสียงอยู่ในช่วงแบริโทนที่ต่ำกว่า ส่วนชินดงอึนฮยอกคิบอม และคยูฮยอนนั้นมีเสียงอย่ในช่วงเบส
ในฐานะแร็ปเปอร์ของวง อึนฮยอคชินดงคิบอม ,ฮีชอลและดงแฮ ล้วนมีความสามารถในการสังเคราะห์จังหวะ และการขยับลิ้นที่รัวเร็ว

[แก้]ข้อกังขาในเรื่องความสามารถ

ซูเปอร์จูเนียร์ถูกมองว่ายังขาดความสามารถในการขับร้องและยังถูกกังขาในเรื่องของการลิปซิง โดยในประเด็นดังกล่าวร้อนแรงยิ่งขึ้น หลังจากทางวงทำการขึ้นแสดงในรายการ Music Core ทางสถานีโทรทัศน์เอ็มบีซี ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นรายการสำหรับการแสดงสด ถึงแม้ว่าแฟนๆจะออกมาโต้แย้งว่า นั่นเป็นอาการเจ็บป่วยของฮีชอลอันนำมาซึ่งความไม่พร้อมในการใช้เสียง (เพราะเขาได้ใช้เสียงในการทำโทนเสียงเอฟเฟคต์ในเพลง Don't don จนไอออกมาเป็นเลือดทุกครั้งที่แสดง) แต่นักวิจารณ์กลับมีความเห็นว่า คำอธิบายดังกล่าวฟังไม่ขึ้น โดยนักวิจารณ์มองว่า ในฐานะวงดนตรีที่มีสมาชิกจำนวนกว่า 13 คน อาการเจ็บป่วยของสมาชิกเพียงคนเดียวย่อมไม่อาจนำมาเป็นข้ออ้างได้ แต่อย่างไรก็ดี การถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนี้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความนิยมของแฟนเพลงที่มีต่อซูเปอร์จูเนียร์ โดยยอดขายอัลบั้มยังดำเนินไปอย่างเป็นที่น่าพอใจ
และเพื่อเป็นการลบคำสบประมาท ในการขึ้นแสดงเพลง Don't Don เพื่อประกาศการกลับมาพร้อมกับอัลบั้มที่ 2 นั้น ซูเปอร์จูเนียร์ได้ทำการแสดงสดทั้งหมด โดยในทัวร์คอนเสิร์ตซูเปอร์โชว์ ได้มีการใช้ลิปซิ้งเพียง 6 เพลงเท่านั้น ซึ่งก็ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวก

[แก้]รูปแบบการเต้น

จุดเด่นในการแสดงบนเวทีของซูเปอร์จูเนียร์อย่างหนึ่งคือ การเต้น รูปแบบการเต้นของพวกเขานั้นเรียกกันว่า “การเต้นบนท้องถนน” หรือ “สตรีท แดนซิ่ง” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ การเต้นในลักษณะดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากการเต้นในสไตล์ฮิปฮอป หรือ บี-บอย ในเพลงส่วนใหญ่ของซูเปอร์จูเนียร์นั้นจะมีท่อนบริดจ์ ซึ่งจะมีสมาชิก 2 – 6 คนออกมาทำการเต้น ฮันคยอง, ชินดง, อึนฮยอก, และดงเฮ เป็นสมาชิกที่มีทักษะการเต้นอยู่ในระดับๆ ต้นของวง และมักจะได้รับโอกาสไห้เต้นนำ และเต้นเดี่ยว อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ การเต้นโดยใช้รูปแบบของศิลปะป้องกันตัว ยังได้ถูกนำมาใช้ โดยเฉพาะฮันคยองและซองมินซึ่งมีความสามารถพิเศษในทักษะดังกล่าว และสมาชิกบางคนยังได้มีส่วนร่วมในการออกแบบท่าเต้น เช่น ชินดงซึ่งได้ออกแบบท่าเต้นให้กับซิงเกิล "U" รวมไปถึงเพลงอื่นๆ ส่วนสมาชิกที่เหลือ ก็ได้ร่วมคิดท่าเต้นสำหรับซิงเกิล "Don’t Don" อีกด้วย นอกจากนี้ ซูเปอร์จูเนียร์ยังได้มีโอกาสรวมงานกับ นักออกแบบท่าเต้นชื่อดังอย่าง นิค แบส ที่เคยออกแบบท่าเต้นให้กับศิลปินระดับโลกอย่าง จัสติน ทิมเบอร์เลค โดยแบสเป็นผู้ออกแบบท่าเต้นสำหรับซิงเกิล "Sorry, Sorry" ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกจากอัลบั้มที่ 3 นี้ด้วย

ผลงานการแสดง

[แก้]ก่อนและหลังการเปิดตัว

ก่อนการเปิดตัวของซูเปอร์จูเนียร์ สมาชิกหลายๆคนได้เคยมีผลงานออกอากาศทางโทรทัศน์มาแล้ว อีทึกเป็นสมาชิกคนแรกที่เคยแสดงเป็นตัวประกอบในละครเรื่อง สงครามแห่งความรัก (อังกฤษ:All About Eve)  ในปี พ.ศ. 2543 ฮีชอล, ซีวอน และคิบอม ต่างก็เคยแสดงละครอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะคิบอม เขาเคยแสดงละครถึง 4 เรื่อง นับตั้งแต่ซูเปอร์จูเนียร์เปิดตัวต่อสาธารณชนในปี พ.ศ. 2548
ซีวอน เป็นสมาชิกคนแรกที่มีโอกาสได้รับบทบนจอเงิน ในปี พ.ศ. 2549 กับภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์ ทุนสร้างของฮ่องกง เรื่อง มหาบุรุษกู้แผ่นดิน (อังกฤษBattle of Wits) ในบทเหลียงชือ ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ซีวอนได้มีโอกาสร่วมงานกับนักแสดงชื่อดัง หลิวเต๋อหัวด้วย
ในปี พ.ศ. 2550 ฮีชอล คังอิน และชินดง ได้ให้เสียงพากย์ในภาพยนตร์แอนนิเมชั่นของฝั่งฮอลลีวู้ดเรื่อง อัลวินกับสหายชิพมังค์จอมซน (อังกฤษAlvin and the Chipmunks)
และในปี พ.ศ. 2551 คังอิน มีโอกาสได้รับเล่นภาพยนตร์ของเกาหลีใต้เรื่อง Romantic Comic (Pure Manhwa) ร่วมกับนักแสดงชั้นนำของเกาหลีใต้คนอื่นๆเช่น ยู จิ แท และ ลี ยอน ฮี โดยออกฉายทั่วเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

[แก้]ปฏิบัติการจู่โจมหนุ่มสุดฮอต


ใบปิดภาพยนตร์เรื่องปฏิบัติการจู่โจมหนุ่มสุดฮอต
สมาชิกของซูเปอร์จูเนียร์ (ยกเว้นคยูฮยอน) ได้ร่วมเล่นในภาพยนตร์เรื่องแรกอย่างเป็นทางการในเรื่อง ปฏิบัติการจู่โจมสาวอีฟสุดฮอต (อังกฤษAttack on the Pin-Up Boys หรือ Flower Boys) ซึ่งจัดสร้างโดย เอสเอ็ม พิคเจอร์ส
ปฏิบัติการจู่โจมหนุ่มสุดฮอต ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ในประเทศเกาหลีใต้ ถึงแม้ว่า ตัวภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวก แต่กระนั้น ยอดการขายบัตรเข้าชมกลับไม่เป็นไปตามที่ต้นสังกัดคาดหมายไว้ ถึงแม้ว่าจะทำรายได้ได้ดีในสัปดาห์แรกของการเข้าฉาย โดยนับว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ เอสเอ็ม พิคเจอร์ส
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อฉบับดีวีดีของ ปฏิบัติการจู่โจมหนุ่มสุดฮอต ออกวางจำหน่าย กลับขึ้นแท่นชาร์ตดีวีดีขายดีทั้งในและนอกเกาหลีใต้ โดยสามารถทำรายได้ให้กับเอสเอ็ม พิคเจอร์สกว่า 8 พันล้านวอน

[แก้]

นับตั้งแต่ ซูเปอร์จูเนียร์ เปิดตัวเป็นต้นมา ทางวงได้แบ่งตัวเองออกเป็นกลุ่มย่อยทั้งสิ้น 4 ครั้ง จุดมุ่งหมายของ เอสเอ็ม เอนเตอร์เทนเม้นท์ ในการแบ่งซูเปอร์จูเนียร์ออกเป็นกลุ่มย่อยก็เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกิจกรรมของทางวง ตลอดจนความหลากหลายของแนวเพลง

[แก้]ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย.

ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย. (Super Junior K.R.Y.) ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ประกอบไปด้วยสมาชิกสามคนจากซูเปอร์จูเนียร์ได้แก่ คยูฮยอนรยออุค และเยซอง ซึ่งชื่อของกลุ่ม เค.อาร์.วาย. (K.R.Y.) ก็มาจากชื่อของพวกเขาทั้งสามนั่นเอง โดยกลุ่มนี้ จะมีการเน้นเพลงช้าที่ใช้พลังเสียงและความไพเราะของแต่ละคนได้อย่างยอดเยี่ยมจนโด่งดังไปทั่ว
ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย. ขึ้นแสดงสดเป็นครั้งแรกในรายการ มิวสิก แบงค์'' ทางสถานีเคบีเอสของเกาหลีใต้ พวกเขาทั้งสามได้ร่วมร้องเพลงประกอบละครเรื่อง "Hyena" ทั้งสิ้น 3 เพลงรวมถึงเพลงหลักด้วย นอกจากนี้ ยังได้นำเพลงดังกล่าวเข้าบรรจุในเพลงประกอบละครอีกสองเรื่องคือ "Snow Flower" และ "Billy Jean Look at Me" อีกด้วย
ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย.แตกต่างจากกลุ่มย่อยกลุ่มอื่นๆของซูเปอร์จูเนียร์ เนื่องจากซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย. นั้นไม่ได้ออกอัลบั้มหรือซิงเกิลอย่างเป็นทางการ ผลงานที่ออกมาเป็นแค่อัลบั้มเฉพาะกิจและอัลบั้มเพลงประกอบละครแต่เพียงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี มีการคาดหวังว่า ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย. จะออกซิงเกิลหรืออัลบั้มอีกครั้งในอนาคต
ซูเปอร์จูเนียร์ เค.อาร์.วาย. เกือบจะมีชื่อว่า ยอ.ยู เย เพราะประธานลีซูมานชอบคิดชื่อแปลกๆ

[แก้]ซูเปอร์จูเนียร์ ที

ซูเปอร์จูเนียร์ ที (Super Junior-T) หรือ ซูเปอร์จูเนียร์ ทรอท (Super Junior-Trot) เป็นกลุ่มย่อยอย่างเป็นทางการลำดับที่ 2 ของซูเปอร์จูเนียร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550ประกอบไปด้วยสมาชิกจำนวนจำนวน 6 คนจากซูเปอร์จูเนียร์ ได้แก่ อีทึก(หัวหน้ากลุ่ม) , ฮีชอล , คังอินชินดงซองมิน และอึนฮยอค
ซูเปอร์จูเนียร์ ที เกิดขึ้นจากแนวคิดของ เอสเอ็ม เอนเตอร์เทนเม้นท์ ที่เล็งเห็นว่า แนวดนตรีแบบทรอท อันเป็นแนวเพลงดั้งเดิมและเก่าแก่ของเกาหลีกำลังค่อยๆเสื่อมความนิยมลง จึงต้องการให้วงดนตรีรุ่นใหม่รับเอาแนวดนตรีแบบทรอทเข้ามาผสมผสานกับแนวดนตรีแบบใหม่ เช่น โมเดิร์น ป๊อป และแร็ป
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ก่อนหน้าการเปิดตัวอย่างเป็นทางการสามเดือน ซูเปอร์จูเนียร์ ที ได้ขึ้นแสดงสดเพลง "Don't Go Away" ในงาน M.NET/KM Music Festival ร่วมกับทงเฮสมาชิกอีกคนของซูเปอร์จูเนียร์ ซึ่งนับเป็นการขึ้นแสดงสดเป็นครั้งแรกของทางกลุ่ม
ซูเปอร์จูเนียร์ ทีได้ปล่อย "Rokkugo!!!" ซิงเกิลแรกอย่างเป็นทางการของทางกลุ่มออกมาทางสถานีวิทยุเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 และหลังจากนั้นไม่นาน ทางกลุ่มได้ออกวางจำหน่ายซีดีซิงเกิล "Rokkugo!!!" ซึ่งสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดของชาร์ตได้ภายใน 3 วันหลังวางจำหน่าย
ซูเปอร์จูเนียร์ ที เปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โดยการขึ้นแสดงซิงเกิล "Rokkugo!!!" และ "First Impress" ร่วมกับ Bang Shil Yi ซึ่งเป็นศิลปินเพลงเพลงทรอทผู้มีชื่อเสียงของเกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2551 มีการประกาศว่า ซูเปอร์จูเนียร์ ที จะกลับมาพร้อมกับซิงเกิลอย่างเป็นทางการซิงเกิลที่ 2 แต่อย่างไรก็ดี ในภายหลัง ซูเปอร์จูเนียร์ เอช (Super Junior-H) หรือ ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้ (Super Junior-Happy) ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยลำดับที่ 4 ของซูเปอร์จูเนียร์ได้ถูกเปิดตัวขึ้นมาแทน ทำให้โครงการ ซูเปอร์จูเนียร์ ทีถูกระงับไว้โดยไม่มีกำหนด

[แก้]ซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม

ดูบทความหลักที่ ซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม
ซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม (อังกฤษSuper Junior M) เป็นกลุ่มย่อยลำดับที่ 3 ของซูเปอร์จูเนียร์ และนับเป็นกลุ่มดนตรีนานาชาติกลุ่มแรกในอุตสาหกรรมดนตรีของประเทศจีน ที่มีสมาชิกจากทั้งจีนและเกาหลีใต้ ประกอบไปด้วยสมาชิกจากซูเปอร์จูเนียร์จำนวน 5 คนคือ ฮันกยอง (หัวหน้ากลุ่ม), ดงเฮซีวอนรยออุค และ คยูฮยอน และสมาชิกนอกวงอีก 2 คน คือ เฮนรี่ และ โจวมี่ แล้วปัจจุบันได้เพิ่มสมาชิกใหม่ในวง"ซูเปอร์จูเนียร์"อีก2คน นั่นคือ ซองมิน และอึนฮยอก

[แก้]ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้

ดูบทความหลักที่ ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้
ซูเปอร์จูเนียร์ แฮปปี้ ( Super Junior-Happy ) หรือ ซูเปอร์จูเนียร์ เอช ( Super Junior-H ) เป็นกลุ่มย่อยลำดับที่ 4 ของซูเปอร์จูเนียร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2551 ประกอบไปด้วยสมาชิกจากซูเปอร์จูเนียร์จำนวน 6 คนคือ อีทึก (หัวหน้ากลุ่ม), เยซองคังอินชินดงซองมิน และ อึนฮยอค


เหตุการณ์สำคัญ

[แก้]แนวความคิดของการเพิ่มสมาชิกและ "เราต้องการ 13"

หลังจากการประกาศครั้งแรกของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ในเรื่องการก่อตั้งกลุ่มย่อย ซูเปอร์จูเนียร์ ไชน่า หรือภายหลังได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม ได้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากกลุ่มแฟนคลับที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว ในเบื้องต้น เว็บไซต์และเครื่อข่ายได้ถูกจัดตั้งขึ้นในชื่อ "เราต้องการ 13 (Only 13)" เพื่อเป็นที่รวบรวม และวางแผนการณ์ต่อต้านโครงการดังกล่าว ในช่วงแรก พวกเขามีแนวคิดที่ทำการคว่ำบาตรสินค้าทุกชนิดของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ดังที่กลุ่มแฟนคลับของ ดง บัง ชิน กิ เคยทำในอดีต แต่ในภายหลัง สมาชิกส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว และเลือกที่จะใช้สันติวิธีแทน โดยกลุ่มแฟนจำนวนหลายร้อยคนได้ไปรวมตัวกันอย่างสงบที่หน้าที่ทำการของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ แล้วชูป้ายเรียกร้องให้เอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ยกเลิกแผนการดังกล่าวเสีย
แต่สถานการณ์กลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม เมื่อภายหลังเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ซูเปอร์จูเนียร์ นั้นไม่ใช่กลุ่มถาวร ทั้งๆที่เคยได้ประกาศไว้เมื่อช่วงกลางปี พ.ศ. 2549 ในตอนที่เพิ่มสมาชิกคนที่ 13 คยูฮยอน ว่าซูเปอร์จูเนียร์จะเป็นกลุ่มถาวร แฟนๆนับพันคนได้เขียนจดหมายไปยังผู้บริหารของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 กลุ่มแฟนคลับนับพันคน ได้ไปร่วมชุมนุมที่หน้าที่ทำการของเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ อีกครั้ง ในครั้งนี้ พวกเขาได้ร่วมร้องเพลงหลายเพลงของซูเปอร์จูเนียร์ และตะโกนคำว่า "เราต้องการ 13 (Only 13)" หรือในภาษาเกาหลีเป็นคำว่า ยอล เซ มยอง
ในที่สุดเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้ออกมาให้คำตอบกับกลุ่มแฟนคลับว่า ศิลปินภายนอกนั้นจะถูกเข้าไปในกลุ่มซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม แต่จะไม่ถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มหลัก อย่างไรก็ดี ก็ยังมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งยังคงปักใจเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ในอนาคตที่จะได้เห็นสมาชิกคนใหม่ของซูเปอร์จูเนียร์ และเมื่อมีข่าวรั่วออกมาอีกว่า จะมีการเพิ่มโจว มี่ สมาชิกภายนอกเข้าไปกลุ่มซูเปอร์จูเนียร์ เอ็ม เหล่าแฟนคลับได้ตัดสินร่วมกันลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์โดยในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2551 มีรายงานว่ากลุ่มแฟนคลับได้ทำการซื้อหุ้นเป็นจำนวนกว่า 58,206 หุ้น โดยคิดเป็น 0.3% ของหุ้นทั้งหมด และพวกเขาได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าจะทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งแผนการเพิ่มสมาชิกเข้าไปในซูเปอร์จูเนียร์ให้จงได้

[แก้]อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2550

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2550 เวลาราว 00.20 น. สมาชิกในวงซูเปอร์จูเนียร์ ประกอบด้วย อีทึก อึนฮยอก ชินดง คยูฮยอน และผู้จัดการวงได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางกลับมาจากการอัดรายการวิทยุ "Kiss The Radio" บนทางด่วน ใกล้แยกบริเวณสะพานทงจัก (Dongjak Bridge) โดยคนขับได้สูญเสียการควบคุมเครื่องยนต์ ก่อนที่รถจะเสียหลัก และพุ่งชนข้างถนน
คยูฮยอน ผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับนั้นมีอาการบาดเจ็บมากที่สุด เพราะกระดูกซี่โครงขวาหักทะลุปอดเลือดไหลไม่หยุด กระดูกเชิงกรานและข้อเท้าหัก ซึ่งจะต้องเข้าตรวจรักษาอย่างใกล้ชิด อีทึกนั้นมีบาดแผลที่ใบหน้าหลายแห่งซึ่งต้องการเย็บกว่า 170 เข็ม ในขณะที่ชินดง และอึนฮยอค มีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจากการบาดของเศษกระจกที่แตกเท่านั้น และสามารถออกจากโรงพยาบาลในวันที่23 เมษายน ต่อมา อึทึกและคยูฮยอน นั้นฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยอีทึกออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 30 เมษายน ส่วนคยูฮยอนนั้นต้องรออีกกว่า 2 เดือน โดยออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 และต้องพักรักษาร่างกายต่อ ก่อนจะกลับมาทำงานต่อได้ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2550

                                              Super junior (Bonabana) Concert


ประวัติ Super junior

ชื่อจริง : Park Jung Su (ปาร์ค จอง ซู)
ชื่อในวงการ : Lee Teuk (ลี ทึก)
วันเกิด : 1 ก.ค. 1983
ส่วนสูง : 178 ซ.ม.
น้ำหนัก : 59 ก.ก.
งานอดิเรก : เล่นเปียโน, ฟังเพลง , ร้องเพลง
ความสามารถพิเศษ : แต่งเพลง
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2000 โดย Starlight Casting System
ผลงานละคร : MBC 'Everything of EVE' ปี 2000
ผลงานโฆษณา :Pepsiพิธีกรในงาน showcaseของดงบัง ชินกิ

Artist:Super Junior05พิธีกรรายการ M.net KMTV M!Countdown
Album : Super Junior05 KBS '1829' as young Bok Man in Mar 2005

ชื่อจริง : Kim Hee Chel (คิม ฮี เชล)
ชื่อในวงการ : Hee Chul (ฮี ชอล)
วันเกิด : 10 ก.ค. 1983
ส่วนสูง : 179 ซ.ม. น้ำหนัก : 60 ก.ก.
งานอดิเรก : เล่นเกมคอมพิวเตอร์, เขียนกลอน, เขียนนิทานให้เด็ก
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2002 โดย Starlight Casting System
ผลงานละคร :
- KBS 'Sharp2' (ก.พ. 2005)
- MBC 'Rainbow Romance' (ต.ค. 2005)
ผลงานโฆษณา :
- 'PePeRo'(ก.ย. 2005)
- Oddugi 'Ramen Bokki' (ต.ค. 2005)
ผลงานด้านอื่นๆ : ดีเจ FM 107.7 ของ SBS และ KMTV

ชื่อจริง : Han Geng (ฮัน คยอง)
ชื่อในวงการ : Han Geng (ฮัน คยอง)
วันเกิด : 9 ก.พ. 1984
สถานที่เกิด : ประเทศจีน 1 ก.ค. 1983
ส่วนสูง : 181 ซ.ม. น้ำหนัก : 66 ก.ก.
งานอดิเรก : เล่นเกมคอมพิวเตอร์
ความสามารถพิเศษ : Traditional Chinese dance, Dancing Ballet
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2001
โดยชนะการออดิชั่นของ H.O.T China
ผลงานอื่นๆ:
- รองชนะเลิศการประกวดเต้นที่ประเทศจีน
- เดินแบบในงาน F/W general idea by Bum Suk (5 พ.ค. 2005)

ชื่อจริง : Kim Young Woon (คิม ยอง อุน)
ชื่อในวงการ : Kang In (คัง อิน)
วันเกิด : 17 ม.ค.1985
ส่วนสูง : 180 ซ.ม. น้ำหนัก : 70 ก.ก.
งานอดิเรก : ร้องเพลง, ว่ายน้ำ, ศิลปะป้องกันตัว
ความสามารถพิเศษ : การแสดง
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2002
โดยชนะเลิศสาขา Most handsome ในการประกวด SM Youngster contest
ผลงานละคร :
- SBS 'Man and Woman' (พ.ค. 2002)
- SBS ผู้ประกาศข่าว 'Entertainment show' (เม.ย. 2004)
ผลงานด้านอื่นๆ :
- พิธีกรในงาน showcase ของดง บัง ชิน กิ (ก.ย. 2005)
- พิธีกรในงานมีทติ้งแฟนคลับ ของ BoA (ก.ย. 2005)
- พิธีกรรับเชิญรายการ 'Saturday'ทางMBC (พ.ย. 2005)
- พิธีกร M-Net, KMTV - M!Countdown (พ.ย. 2005)

ชื่อจริง : Kim Jong Woon (คิม ชง อุน)
ชื่อในวงการ : Ye Sung (เย ซอง)
วันเกิด : 24 ส.ค.1984
ส่วนสูง : 178 ซ.ม. น้ำหนัก : 64 ก.ก.
งานอดิเรก : ร้องเพลง, ฟังเพลง, ออกกำลังกาย
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2001 โดย Starlight Casting System
ผลงานอื่นๆ :
- ชนะเลิศ "ChunAn Music Competiton" (พ.ย. 1999)
- ชนะเลิศสาขา Best singer ในการประกวด SM Youngster contest
ครั้งที่ 3 (2001)
- SBS 'I like Sunday X-Man' (พ.ย. 2005)

ชื่อจริง : Sin Dong Hoe (ซิน ดง ฮี)
ชื่อในวงการ : Shin Dong (ซิน ดง) )
วันเกิด : 28 ก.ย.1985
ส่วนสูง : 178 ซ.ม. น้ำหนัก : 90 ก.ก.
ความสามารถพิเศษ : การแสดง, เต้นรำ
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2005
โดยชนะเลิศสาขา Best gag, Best of the Best
ในการประกวด SM Youngster contest
ผลงานอื่นๆ :
- พิธีกร KMTV Show Music Tank (ก.ย. 2005)
- พิธีกร 'Sweet Rose Party' ของดง บัง ชิน กิ (ต.ค. 2005)
- พิธีกร M-Net, KMTV - M!Countdown (พ.ย. 2005)
- ชนะเลิศสาขา Best Dancer ในการประกวด GoYang City Youth
Contest (ก.ค. 2002)
- ชนะเลิศสาขา Best Dancer ในการประกวด GoYang City Youth
Contest (ก.ค. 2003)
- ชนะเลิศ Golden award and Popularity award from M-net
EPPY Competition (ต.ค. 2004) 

ชื่อจริง : Lee Sung Min (อี ซอง มิน)
ชื่อในวงการ : Sung Min (ซอง มิน )
วันเกิด : 1 ม.ค.1986
ส่วนสูง : 175 ซ.ม. น้ำหนัก : 57 ก.ก.
งานอดิเรก : ดูหนัง, เล่นดนตรี
ความสามารถพิเศษ : ศิลปะป้องกันตัวแบบจีน, การแสดง
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2001
โดยชนะเลิศสาขา Most handsome
ในการประกวด SM Youngster contest
ผลงานละคร :
- MBC 'Sea of Sisters' (ส.ค. 2005)
- KBS 'A boy from a charnel house' (ก.ย. 2005)
ผลงานอื่นๆ :
พิธีกรคู่กับ ดง แฮ ในรายการของ KMTV

ชื่อจริง : Kim Ki Bum (คิม คี บอม)
ชื่อในวงการ : Ki Bum (คี บอม )
วันเกิด : 21 ส.ค.1987
ส่วนสูง : 179 ซ.ม. น้ำหนัก : 58 ก.ก.
งานอดิเรก : เล่นเกมคอมพิวเตอร์
ความสามารถพิเศษ : การแสดง
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2002
โดย Starlight Casting System
ผลงานละคร :
- KBS 'Kiss of April' (เม.ย. - ก.ค. 2004)
- KBS 'Sharp 2' (ก.พ. 2005)
- MBC 'Rainbow Romance' (ต.ค. 2005)
ผลงานโฆษณา :
- เครื่องแบบนักเรียน 'Elite-Basic' (ก.ย. 2004)
- 'KTF' (พ.ค. 2005) - 'Hyun Dai - Sonata' (ส.ค. 2005)
- 'Crown-Mychu' (ส.ค. 2005)
- 'Oddugi' Ramewn-Bokki (ต.ค. 2005)

ชื่อจริง : Lee Hyuk Jae(อี ฮยอก แจ)
ชื่อในวงการ : Eun Hyuk (อึน ฮยอก)
วันเกิด : 4 เม.ย.1986
ส่วนสูง : 176 ซ.ม. น้ำหนัก : 58 ก.ก.
งานอดิเรก : ฟังเพลง, ออกกำลังกาย
ความสามารถพิเศษ : การเต้นแบบต่างๆ
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2000
โดย Starlight Casting System
ผลงานด้านอื่นๆ : - ชนะเลิศ Goyang City Youth Dance competition
(2000)
- SBS 'Saturday is Coming' showdown of the century (มี.ค. 2002)
- MBC 'In Saturday Night' ChuGyukNamYoe (ส.ค. 2005)

ชื่อจริง : Choi Si Won(ชอย ซี วอน)
ชื่อในวงการ : Si Won (ซี วอน)
วันเกิด : 10 ก.พ.1987
ส่วนสูง : 183 ซ.ม.น้ำหนัก : 65 ก.ก.
งานอดิเรก : เทควันโด, ร้องเพลง
ความสามารถพิเศษ : พูดภาษาจีนได้, การแสดง, ตีกลอง
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2003
โดย Starlight Casting System
ผลงานละคร :
- KBS '1829' (มี.ค. 2005)
- KBS 'Letter to My Parents' (พ.ค. 2005)
- KBS 'A boy from a charnel house' (ก.ย. 2005)
- SBS 'Curious Human Being' (ก.ย. 2005)
- SBS 'I Like Sunday' - X Man (ต.ค. 2005)
ผลงานภาพยนตร์ :
'Muk Gong' ร่วมกันสร้างโดยประเทศเกาหลี จีน ญี่ปุ่น (ต.ค. 2005)
ผลงานโฆษณา :
- เครื่องแบบนักเรียน 'Elite'(ก.ย. 2004)
- โยเกิร์ต 'Viyotte'(ส.ค. 2005)
ผลงานอื่นๆ :
มิวสิควีดีโอเพลง 'What is Love' ของ Dana (ต.ค. 2003)

ชื่อจริง : Lee Dong Hae (อี ดง แฮ)
ชื่อในวงการ : Dong Hae (ดง แฮ)
วันเกิด : 15 ต.ค.1986
ส่วนสูง : 175 ซ.ม. น้ำหนัก : 60 ก.ก.
งานอดิเรก : ร้องเพลง,เต้นรำ, ออกกำลังกาย, ดูหนัง
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2001
โดยชนะเลิศสาขา Most handsome และ Best of the best
ในการประกวด SM Youngster contest
ผลงานอื่นๆ :
- SBS ShinDongYup's "True or Lie" (พ.ย. 2005)
- พิธีกรคู่กับ ซอง มิน ในรายการของ KMTV

ชื่อจริง : Kim Ryeo Wook (คิม เรียว อุค)
ชื่อในวงการ : Ryeo Wook (เรียว อุค)
วันเกิด : 21 มิ.ย. 1987
ส่วนสูง : 173 ซ.ม. น้ำหนัก : 58 ก.ก.
งานอดิเรก : ร้องเพลง
ความสามารถพิเศษ : แต่งเพลง
เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2004
โดยชนะเลิศการประกวดร้องเพลง CMB Youth 'Chin Chin' singing
Competition
ผลงานอื่นๆ :
ชนะเลิศการประกวด MBC 'at the twinkling night' (มิ.ย. 2004)

ประวัติ : KyuHyun
ชื่อจริง : โจคยูฮยอน (Jo Kyuhyun / Jo Gyuhyeon)
ชื่อในวงการ : คยูฮยอน (Kyuhyun / Gyuhyeon)
วันเกิด : 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1988
ส่วนสูง : 180 ซม.
น้ำหนัก : 68 ก.ก.
เริ่มเข้าสู่วงการ : ปี 2005 โดยชนะเลิศการประกวดร้องเพลง : CMB Chin Chin Song Festival
ผลงานอื่นๆ มิวสิกวีดีโอ : Winter Chin Chin Song Festival